นักวิชาการเผยหลักฐานที่ชี้ชัดว่า ”ขั้วโลกใต้” เคยเป็นแหล่งอารยธรรมมนุษย์เมื่อ 12,000 ปีก่อน!
เคยมีนักวิชาการออกมาเผยทฤษฏีที่สร้างความฮือฮามาแล้วเมื่อหลายปีก่อน เมื่อพวกเขากล่าวว่าภายใต้เปลือกน้ำแข็งหนาของทวีปแอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้ อาจมีอารยธรรมโบราณของมนุษย์ซ่อน
อยู่ก็เป็นได้
ฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหล แต่นักวิชาการเผยว่าเมื่อราว 12,000 ปีที่แล้ว ดินแดนบางส่วนของแอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้มีความอบอุ่นพอที่สิ่งมีชีวิตจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยอยู่ได้ สอดคล้องกับคำบอกเล่าของนักปรัชญาชาวกรีกอย่าง เพลโต ที่มีชีวิตเมื่อราว 360 ปีก่อนคริสตกาล ที่เคยกล่าวถึง อาณาจักรแอตแลนติส ดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองที่หายสาบสูญไปจากแผนที่โลกด้วยภัยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีที่ว่าแอตแลนติสตั้งอยู่ที่ขั้วโลกใต้ไม่ได้รับการยอมรับมากนัก แต่หนึ่งในหลักฐานที่สามารถใช้ยืนยันว่าว่าดินแดนแถบนี้เคยเป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมชั้นสูงเมื่อหมื่นปีที่แล้ว ก็คือแผนที่ ”Piri Reis” ที่ได้แสดงรายระเอียดของแอนตาร์กติกาหรือขั้วโลกใต้อย่างละเอียด และที่สำคัญมันถูกค้นพบในปี ค.ศ.1513 ซึ่งผู้คนในยุคนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีขั้วโลกใต้ และยังไม่มีเทคโนโลยีการเขียนแผนที่เดินทะเลที่ละเอียดเช่นนี้ได้
มีรายงานว่า ผู้ใช้โปรแกรม ”Google Earth” รายงานว่าพบเห็นสิ่งปลูกสร้างคล้ายพิระมิดในเขตที่ราบน้ำแข็งของขั้วโลกใต้ พร้อมกับข่าวลือว่านักสำรวจค้นพบซากเมืองโบราณใต้น้ำแข็ง แต่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดบังข้อเท็จจริงเอาไว้
นอกเหนือจากความเชื่อเรื่องที่ว่ามีซากเมืองโบราณใต้น้ำแข็ง ยังมีทฤษฎีสบคบคิดที่น่าเหลือเชื่อมากมายอธิบายว่าขั้วโลกใต้คือแหล่งกบดานของพวกนาซีเยอรมันที่หนีรอดออกมาก่อนพ่ายแพ้สงคราม หลังจากมีรายงานพบฐานทัพนาซีเยอรมันในแถบขั้วโลก บ้างก็ว่าขั้วโลกใต้เป็นแหล่งซ่อนตัวของมนุษย์ต่างดาว
บางทีหากเราสามารถเปิดเปลือกแผ่นน้ำแข็งหนาของขั้วโลกใต้ออกจนเหลือพื้นผิวทวีปที่แท้จริง เราอาจได้พบกับสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
Piri Reis
