พบรอยสักมัมมี่
พิพิธภัณฑ์อังกฤษเปิดเผยว่า มัมมี่ผู้ชาย พบว่ามีรอยสักเป็นรูปวัวกระทิงป่ากับแกะบนท่อนแขนด้านบน ส่วนมัมมี่ผู้หญิง พบรอยสักเป็นรูปตัวเอสบนท่อนแขนด้านบนและหัวไหล่
พิพิธภัณฑ์อังกฤษเปิดเผยว่า มัมมี่ผู้ชาย พบว่ามีรอยสักเป็นรูปวัวกระทิงป่ากับแกะบนท่อนแขนด้านบน ส่วนมัมมี่ผู้หญิง พบรอยสักเป็นรูปตัวเอสบนท่อนแขนด้านบนและหัวไหล่
คณะนักวิจัยของพิพิธภัณฑ์อังกฤษและมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด พบร่องรอยของรอยสักเก่าแก่ที่สุดในโลกบนท่อนแขนด้านบนของมัมมี่อียิปต์โบราณ 2 ร่าง
โดยพิพิธภัณฑ์อังกฤษเปิดเผยว่า มัมมี่ตัวแรกเป็นผู้ชาย และพบว่ามีรอยสักเป็นรูปวัวกระทิงป่ากับแกะบนท่อนแขนด้านบน ส่วนมัมมี่อีกตัวเป็นผู้หญิง พบรอยสักเป็นรูปตัวเอสบนท่อนแขนด้านบนและหัวไหล่ ตอนแรกที่คณะนักวิจัยเห็นรอยสักนั้น คิดว่าเป็นรอยดำ
แต่เมื่อใช้รังสีอินฟราเรด จึงพบว่า เป็นรอยสักเก่าแก่
แดเนียล แอนโทนี ภัณฑารักษ์ด้านกายภาพมานุษยวิทยาแห่งพิพิธภัณฑ์ กล่าวว่า จากการใช้เทคโนโลยีรังสีอินฟราเรด ทำให้เห็นรอยสักบนร่างของมัมมี่ ที่อยู่บนท่อนแขนด้านบน ซึ่งการค้นพบครั้งนี้สนับสนุนหลักฐานรอยสักที่เก่าแก่กว่ารอยสักที่พบในแอฟริกาถึง 1,000 ปี
มัมมี่ 2 ร่างได้ถูกขุดขึ้นมาเมื่อ 100 ปีก่อนในเมืองจีเบเลอิน ห่างจากเมืองลักซอร์ ในปัจจุบันไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร และ มัมมี่ดังกล่าวมีอายุย้อนกลับไปยุคก่อนราชวงศ์อียิปต์ที่ปกครองโดยฟาโรห์องค์แรกราว 3351-3017 ปีก่อนคริสตกาล
คณะนักวิจัยบอกว่า รอยสักของ มัมมี่หญิงอาจบ่งบอก ถึงสถานะ, ความกล้า หาญ และความรู้ในเวทมนตร์ ส่วนรอยสักของมัมมี่ชาย น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชายและความแข็งแกร่ง
ก่อนค้นพบนั้น
บรรดานักโบราณคดีเชื่อว่า รอยสักในอียิปต์บ่งชี้ถึงความเป็น ผู้หญิงเท่านั้น สำหรับรอยสักเก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่บนร่างของมัมมี่ที่ชื่อ ออสซี (Otzi) ซึ่งมีชีวิตเมื่อราว 5,300 ปีก่อน และถูกค้นพบในบริเวณเทือกเขาแอลป์ของอิตาลีเมื่อปี 2534
อย่างไรก็ตาม การวิจัยรอยสักของมัมมี่ 2 ร่าง ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารโบราณคดีวิทยาศาสตร์เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา.
ข้อมูลเพิ่มเติมจากฮิวแมนเหยิน
ข้อมูลเพิ่มเติมจากฮิวแมนเหยิน