ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Herculaneum แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Herculaneum แสดงบทความทั้งหมด

Herculaneum เถ้าลาวา หลาก ทำลายถล่มเมือง

Herculaneum เถ้าหลากถล่มเมือง

หากจะพูดถึงเถ้าหลากถล่มเมือง หนึ่งในเมืองที่จะลืมไปไม่ได้คือ เฮอร์คิวเลเนียม เมืองพี่เมืองน้องของปอมเปอี แต่เดิมเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณแอร์โกลาโน ในประเทศอิตาลี และได้ถูกยกให้เป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1997

ย้อนไปกว่าพันกว่าปีก่อน เมืองเฮอร์คิวเลเนียมเคยเป็นเมืองตากอากาศที่รุ่งเรืองของชนชาวโรมัน แม้จะเป็นเมืองขนาดเล็กกว่าเมืองปอมเปอี แต่ผู้อยู่อาศัยกลับมีฐานะที่ดีกว่า พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราและมีความสุข จนกระทั่งในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 79 หายนะที่คร่าชีวิตผู้คนก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อภูเขาไฟวิสุเวียสปะทุหลังจากการสะสมพลังงานมานานกว่าพันปี
แรงระเบิดในครั้งนั้นทำให้ลาวากว่า 1.5 ล้านตันไหลทะลักออกจากปากปล่อง สายลมได้พัดพาเถ้าภูเขาไฟ ฝุ่นควันและก๊าซพิษเป็นจำนวนมากกระจายไปทั่วบริเวณ รวมถึงมีการเกิดแผ่นดินไหวและกลุ่มฝนหินร้อน ซึ่งเกิดจากภูเขาไฟพ่นลาวาขึ้นไปบนอากาศ จนภายนอกแข็งตัวกลายเป็นหินร้อนตกลงมา
เมื่อเข้าวันที่สอง แผ่นดินไหวได้สั่นสะเทือนไปทุกหย่อมหญ้า เกิดเป็นคลื่นป่วนถล่มหาดในเมืองปอมเปอีซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล หลังจากนั้นภูเขาไฟก็ยังปะทุอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งวันที่สาม วันแห่งหายนะของผู้คนที่รั้งอยู่กับเมือง เมื่อสายฝนได้ร่วงหล่นลงมาละลายเถ้าภูเขาไฟที่ควรพุ่งลอยขึ้นไปบนฟ้า เกิดเป็นเถ้าหลากเข้าถล่มเมืองเฮอร์คิวเลเนียม, ปอมเปอี, สตาเบีย(Stabiae) และโอโพลอนทิส (Oplontis) ไปจนหมดสิ้น

กาลเวลาที่ยาวนาน ทำให้เมืองตากอากาศที่เคยเป็นที่นิยมของชนชั้นสูงชาวโรมันถูกลืมเลือนไป จนกระทั่งมีการค้นพบซากเมืองเฮอร์คิวเลเนียม เมื่อปี ค.ศ. 1981 ในชั้นหินภูเขาไฟ ลึกลงไปกว่า 20 เมตร การขุดค้นทำให้พบกับโครงกระดูกกว่า 150 โครง รวมถึงหอสมุดปาปิรุสที่เก็บความลับและเรื่องราวสมัยโรมันโบราณอีกมากมาย


โดยม้วนกระดาษนั้นยังไม่สามารถเปิดอ่านได้ เนื่องจากมันถูกเคลือบด้วยเถ้าหลากจนมีลักษณะคล้ายก้อนถ่านกลม เมื่อนักโบราณคดีเปิดออก มันจึงหลุดเป็นแผ่น ทำให้พวกเขาต้องคิดหาวิธีใหม่โดยการใช้เทคโนโลยีการส่องผ่านของแสง เพื่อหาร่องรอยของน้ำหมึกที่น่าจะยังคงอยู่ ซึ่งพวกเขาคาดหวังว่า ในอนาคตพวกเขาจะสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆเพื่อแกะร่องรอยความรู้จากกระดาษปาปิรุสได้

อย่างไรก็ตาม เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของอิตาลี ซึ่งดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมชมบรรยากาศของช่วงเวลาแห่งอดีตที่ยังคงรุ่งเรืองอยู่เสมอ

รายการบล็อกของฉัน